head prakardsod




































































ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคจัดการ สินเชื่อระยะยาว ให้อยู่หมัด  (อ่าน 119 ครั้ง)

radnana

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 129
    • ดูรายละเอียด
เทคนิคจัดการ สินเชื่อระยะยาว ให้อยู่หมัด
« เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2025, 13:52:20 น. »

เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจย่อมต้องใช้สินเชื่อหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ “ สินเชื่อระยะยาว ” เพราะการทำธุรกิจจะใช้เงินหมุนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ สินเชื่อระยะยาวจะช่วยให้สภาพคล่องของธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะเวลาเกิน 5 ปี และคำว่าสินเชื่อที่มีอายุเกิน 5 ปีนี้จัดอยู่ในหมวดของสินเชื่อระยะยาวทั้งสิ้น เช่น สินเชื่อต่อยอดธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย เป็นต้น เรามาดูกันดีกว่าว่าหากเราเป็นหนี้ธนาคารในกลุ่มหนี้ระยะยาวมีวิธีจัดการอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

หาข้อมูลรายได้ รายจ่าย และคำนวณความมั่งคั่งสุทธิ
จะเริ่มเคลียร์หนี้สินระยะยาวได้ต้องตรวจสอบว่าเหลือรายรับรายจ่ายเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เพื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวเอง หากรายจ่ายมากกว่ารายได้แสดงว่าสุขภาพทางการเงินไม่ดีนักมีสิทธิ์ล้มละลายอยู่ตลอดเวลา เมื่อกู้เงินมาทำธุรกิจควรจะมีรายได้สูงขึ้น

ตามสัดส่วนของหนี้สินที่เพิ่มจากการซื้อสินทรัพย์ถาวรสำหรับการขยายธุรกิจ เช่น เครื่องจักร ที่ดิน อาคาร เป็นต้น แต่เมื่อทำธุรกิจแล้วสร้างกำไรไม่ได้จนเงินสดหมดมี 3 ทางเลือกให้ผู้ประกอบการตัดสินใจคือ

ลดรายจ่าย หาช่องทางขาย หรือกู้หนี้เพิ่ม หากไม่สามารถหากระแสเงินสดด้วยการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้แล้ว วิธีสุดท้ายที่ควรทำคือการขอ สินเชื่อหมุนเวียน  เพื่อทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจอยู่ในระดับที่หมุนเวียนต่อไปได้ และเมื่อทราบข้อมูลรายได้ รายจ่าย และหาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรรู้นั่นคือฐานะทางการเงินของตัวเองว่าเป็น “ของจริง” แค่ไหน ด้วยการคำนวณหาความมั่งคั่งสุทธิของธุรกิจโดยนำ “ทรัพย์สินหักลบหนี้สิน” หากหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินจะต้องมีกระแสเงินสดสำรองเก็บเผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

บริหารความมั่งคั่ง และชำระหนี้คืนเพิ่ม
เมื่อใช้ สินเชื่อขยายธุรกิจ หลายประเภทเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจแล้ว ต้องคำนวณด้วยว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นหนี้อยู่ในระดับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความสามารถชำระหนี้ หากชำระหนี้ได้แค่ดอกเบี้ยไม่รวมส่วนของเงินต้นและใช้รายได้มากกว่า 40% สำหรับการชำระหนี้ ถือว่าอันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าต้องเก็บเงินสดสำรองบางส่วนเพื่อใช้ในยามวิกฤตของธุรกิจ อีกทั้งยังต้องมีในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกด้วย เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น เมื่อรู้ตัวว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต้องจัดการหนี้ที่มีสัดส่วนสูงที่สุดก่อน เช่น หนี้รถ และหนี้บ้าน

ปรับโครงสร้างหนี้
หากรู้ตัวว่าไม่สามารถจัดการหนี้ต่อไปได้จากความล้มเหลวในการบริหารธุรกิจ วิธีที่ควรทำคือหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ให้ได้ไม่ควรหนีหนี้เพราะจะยิ่งทำให้การพูดคุยทำได้ยากยิ่งกว่าเดิม ร้อยทั้งร้อยธนาคารอยากได้เงินสดคืนอยู่แล้ว แต่หากไม่ไหวจริง ๆ ควรขอธนาคารให้ปรับโครงสร้างหนี้ และหากหนี้มีหลายก้อนต้องยุบเป็นหนี้ก้อนเดียวเพื่อให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดและสามารถชำระหนี้ง่ายขึ้น
   
จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะช่วยจัดการกับสินเชื่อระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารต่างออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความน่าสนใจนั่นก็คือ สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม หากใครมีธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อกลุ่มนี้ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เสียโอกาสได้รับสินเชื่อที่ตรงวัตถุประสงค์การกู้และยังมีอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย