การมีบ้าน 2 ชั้น สักหลังเป็นของตัวเอง คงเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของใครหลายคน เพราะบ้านคือที่อยู่อาศัยที่จะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุข สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่ส่วนตัว และทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดกับครอบครัว แต่รู้หรือไม่? ว่ากว่าจะสร้างบ้านได้สักหลัง ทุกคนต่างที่จะต้องแลกมากับเรื่องที่น่าปวดหัว อย่าง การจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือบริษัทรับ สร้างบ้าน 2 ชั้น ที่อาจทำงานไม่ดี ไม่มีคุณภาพ ก่อสร้างช้า หรือชอบปัดความรับผิดชอบ
วันนี้จะพาทุกคนมาดูสาระน่ารู้เกี่ยวกับการเช็กสัญญาก่อสร้างบ้านให้ถี่ถ้วน เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบก่อนตกลงจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน 2 ชั้น เพื่อให้คุณได้บ้าน 2 ชั้นที่ตรงกับความต้องการ และมีคุณภาพเมื่อเข้าอยู่อาศัยมากที่สุด หากพร้อมแล้ว ตามพวกเรามาดูกันเลย
รู้หรือไม่? สัญญาก่อสร้างบ้าน คืออะไร?
ก่อนที่เราจะพาทุกคนไปตรวจเช็กสัญญาก่อสร้างบ้าน เราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสัญญาก่อสร้างบ้านให้มากขึ้นกัน โดยสัญญาก่อสร้างบ้าน คือ เอกสารสัญญาที่ระบุข้อตกลง ข้อกำหนดต่าง ๆ รวมกันเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้าง เพื่อให้เข้าใจข้อตกลงร่วมกันว่าผู้ว่าจ้างจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับการดำเนินการก่อสร้าง ตามรายละเอียดข้อตกลงการก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญาให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างที่ตกลงกันเอาไว้
โดยรายละเอียดของสัญญาก่อสร้าง จะมีการระบุข้อตกลงที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้รับจ้าง หรือ บริษัทรับสร้างบ้าน และผู้ว่าจ้างว่าสามารถปฏิบัติได้จริง ซึ่งรายละเอียดของสัญญาจะมีดังนี้
1. วันที่ และสถานที่ในการทำสัญญา
เพื่อระบุให้ทั้งสองฝ่ายทราบว่าสัญญาก่อสร้างฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ ทำสัญญาที่ไหน และมีอายุสัญญาทั้งหมดกี่ปี
2. ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
โดยจะต้องระบุข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ที่อยู่หน่วยงาน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้างได้
3. ขอบเขต และลักษณะของเนื้องานที่รับผิดชอบ
จะเป็นข้อมูล และรายละเอียดในการก่อสร้างที่ผู้ว่าจ้างตกลงกับผู้รับจ้าง ว่าสร้างบ้านในรูปแบบไหน หรือสถานที่ในการก่อสร้าง เป็นต้น
4. ราคา และรายละเอียดการจ่ายงวดงาน
โดยจะมีรายละเอียดทั้งค่าจ้างเหมาทั้งหมด การจ่ายชำระก่อนการเริ่มดำเนินการกี่เปอร์เซ็นต์ การแบ่งงวดงานออกเป็นงวด และการจ่ายชำระเงินงวดงานในแต่ละงวดกี่เปอร์เซ็นต์
5. ระยะเวลาของสัญญา
จะกำหนดระยะเวลาของสัญญา ตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้างจนถึงการดำเนินงานก่อสร้างเสร็จสิ้น โดยจะต้องระบุระยะเวลาการก่อสร้างให้ชัดเจน
6. รายละเอียดของหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง
ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติม หรือปรับลดรายการ และแบบก่อสร้างเดิม หรือปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ หรือผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์สั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือมีสิทธิ์ระงับ และไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว เป็นต้น
7. รายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง
ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องและแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนด หรือผู้รับจ้างสามารถโอนงานให้ผู้อื่นได้ แต่ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดตามระบุในสัญญา เป็นต้น
8. รายละเอียดของการเลือกวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้าง
ผู้รับจ้างจะต้องกรอกรายละเอียด ข้อมูลของวัสดุ และอุปกรณ์ที่เลือกใช้อย่างละเอียด เพื่อที่จะให้ผู้ว่าจ้างรู้ว่าวัสดุ หรืออุปกรณ์ชั้นนั้นมีคุณภาพได้มาตรฐานหรือไม่
9. การรับประกันคุณภาพหลังจากส่งมอบงาน
โดยข้อมูลในส่วนนี้ทางฝ่ายผู้รับจ้างจะต้องเป็นคนกำหนดระยะเวลาประกันงานขึ้นหลังจากส่งมอบงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีระยะเวลาการรับประกันอยู่ที่ 1-5 ปี หากผู้ว่าจ้างเข้าอยู่แล้วเกิดปัญหา อาทิ เกิดรอยร้าว รอยแตก หรือหลังคารั่ว ผู้รับจ้างจะต้องทำการซ่อมแซมให้บ้านมีคุณภาพแบบเดิม
10. การยกเลิกสัญญาว่าจ้าง และสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหาย
ซึ่งจะต้องระบุรายละเอียดข้อกำหนดของการยกเลิกสัญญา และสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายให้ชัดเจน เพื่อที่จะมีหลักฐานในการฟ้องร้องหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา
11. การลงนามเซ็นสัญญา
ที่จะต้องมีการลงนามของผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง พยานคนที่ 1 และพยานคนที่ 2 ให้ชัดเจน ไม่ควรมีการลงนามแค่เพียง 2 คนเท่านั้น เผื่อในกรณีฉุกเฉินจะได้มีหลักฐาน หรือข้อมูลจากพยานมาให้ปากคำ
เช็กสัญญาให้ชัวร์ก่อนจ้างบริษัท รับสร้างบ้าน 2 ชั้น อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/