head prakardsod


















แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - radnana

หน้า: [1] 2 3 ... 9
1


           ในโลกแห่งยุคดิจิทัล การ โอนเงินเข้าบัญชี ปลายทาง ทั้งบัญชีธนาคารเดียวกัน บัญชีต่างธนาคาร หรือแม้แต่การโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศกลายเป็นเรื่องง่าย คนไทยจำนวนมากรู้วิธี โอนเงินผ่านแอพ เป็นอย่างดีเนื่องจากในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ผู้คนจำเป็นต้องจำกัดการเดินทางออกนอกบ้าน แต่ก็ยังต้องทำธุรกรรมด้านการเงินต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ แต่สำหรับใครที่ยังรู้สึกลังเล ไม่มั่นใจที่จะทำรายการ โอนเงินผ่านแอพ ด้วยตนเอง วันนี้เราจะมาแนะนำขั้นตอนง่าย ๆ ทำได้ทันที รวมถึงคำเฉลยของคำถามที่ว่า เราสามารถกดเงินไม่ใช้บัตรจากตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารได้หรือยัง รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลย

วิธีโอนเงิน ผ่านแอพธนาคารบนมือถือ
เปิดแอพธนาคารบนมือถือขึ้นมา จากนั้นกรอกรหัสเข้าใช้งาน
เลือกเมนู โอนเงิน จากนั้นเลือกเมนูเพื่อระบุบัญชีปลายทาง เช่น โอนระหว่างบัญชีของตนเอง โอนไปยังบัญชีธนาคารเดียวกัน โอนต่างธนาคาร หรือโอนเงินต่างประเทศ

กรอกรายละเอียดตามที่แอพกำหนดไว้ เช่น เลขบัญชีปลายทาง และยอดเงินโอน ในกรณีโอนเงินต่างประเทศ ต้องกรอกรายละเอียดมากหน่อย เช่น ข้อมูลของเราเอง ข้อมูลของบัญชีปลายทาง รวมถึงสกุลเงินของยอดเงินที่ต้องการโอนด้วย
กดยืนยันทำรายการโอนเงิน กรอกรหัสอีกครั้ง

รายการโอนเงินเสร็จสิ้น สลิปโอนเงินจะถูกบันทึกลงในสมาร์ทโฟน ผู้โอนสามารถส่งสลิปให้กับผู้รับเงินโอน เพื่อแสดงหลักฐานการโอนเงินได้ทันที 
สำหรับใครที่กังวลเรื่อง ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างธนาคาร ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า การโอนผ่านแอพได้รับการยกเว้น ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างธนาคาร ตามความถี่ และจำนวนครั้งที่ธนาคารแต่ละแห่งกำหนดไว้ ซึ่งการใช้งานของบุคคลธรรมดาทั่วไป ก็มักจะไม่เกินความถี่ หรือจำนวนครั้งที่กำหนดไว้อยู่แล้ว พูดง่าย ๆ ว่าฟรีค่าธรรมเนียมการโอนต่างธนาคารนั่นเอง 

สำหรับใครที่ไม่ถนัดใช้แอพเพื่อการโอน แต่ต้องการ จ่ายบิลผ่านแอพ จ่ายประกันสังคมออนไลน์ ก็สามารถใช้งานแอพธนาคารบนมือถือเพื่อจ่ายบิลออนไลน์ได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกัน เพียงเปิดใช้งานแอพแล้วเลือกเมนู สแกนบารโค้ด/คิวอาร์โค้ด แล้วสแกนจากบิลโดยตรง หรือเลือกรูปคิวอาร์โค้ดที่เซฟไว้ แล้วรอให้ระบบทำงาน กรอกยอดเงินที่ต้องการจ่ายลงไป แล้วกรอกรหัสยืนยันอีกทีก็เป็นอันเสร็จสิ้น หรือหากไม่มีบิล ก็สามารถเลือกเมนู “จ่ายบิล” แล้วกดเลือกประเภทการจ่ายบิลไล่เรียงตามลำดับไปเรื่อย ๆ ตามที่แอพกำหนด ก็สามารถจ่ายบิลค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา จ่ายประกันสังคม ค่ามือถือหลากค่ายได้แล้ว ถ้ายังไม่เคยทำ ก็ลองเข้าแอพไปเล่นดู บอกเลยว่าง่ายสุด ๆ 

มาถึงคำเฉลยของการ กดเงินไม่ใช้บัตร ต่างธนาคาร น่าเสียดายที่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถ กดเงินไม่ใช้บัตร ต่างธนาคารได้ แต่ลูกค้าของธนาคารต่าง ๆ ก็ได้รับความสะดวกสบายจากฟังก์ชันการใช้งานนี้กันอย่างแพร่หลาย ก็ต้องมาร่วมลุ้นไปพร้อมกันว่าในอนาคตจะสามารถกดเงินแบบไม่ใช้บัตรที่ตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารได้หรือไม่ ถึงวันนั้นความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงินคงเพิ่มขึ้นอย่างมากทีเดียว



2


หากถามว่าแอปพลิเคชันไหนที่ควรโหลดไว้ในโทรศัพท์มือถือ มั่นใจเลยว่าหนึ่งในคำตอบส่วนใหญ่นั้นคงหนีไม่พ้นแอปพลิเคชันธนาคาร เพราะนอกจากจะสามารถตรวจสอบเงินเข้าเงินออกได้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น สแกนจ่ายค่าสินค้า-บริการ จ่ายบิลผ่านแอพ หรือการเปิดบัญชีเงินฝาก เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าธุรกรรมทางการเงินที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ โอนเงินผ่านแอพ และการ กดเงินไม่ใช้บัตร ผ่านตู้เอทีเอ็ม อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเป็นฟังก์ชันที่หลายคนใช้งานกันเป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีไม่น้อยที่ยังสับสนว่า วิธีโอนเงิน ผ่านทางแอปพลิเคชันทำกันอย่างไร และการกดเงินไม่ใช่บัตรต่างธนาคารสามารถทำได้หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบที่ทุกคนอยากรู้มาฝาก

ดาวน์โหลดแอพโอนเงินผ่านโทรศัพท์ทุกธนาคาร
สำหรับขั้นตอนแรกของการโอนเงินด้วยแอปพลิเคชัน ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของธนาคารเจ้าของบัญชีมาไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตและทำการ Log in เข้าใช้งานให้เรียบร้อย ซึ่งหากเป็นระบบปฏิบัติการ iOS สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store ส่วนระบบปฏิบัติการ Android ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ Play Store

กรอกข้อมูลการโอนเงิน
หลังจากทำการ Log in เข้าสู่หน้าแรกของแอปพลิเคชันธนาคารจากนั้นกดที่เมนูโอนเงิน แอปพลิเคชันจะเปลี่ยนเข้าไปสู่หน้าที่ให้กรอกข้อมูลการโอนเงิน สำหรับในขั้นแรกผู้ใช้งานต้องเลือกว่าจะ โอนเงินเข้าบัญชี แบบไหน ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งบัญชีพร้อมเพย์ บัญชีตนเอง บัญชีอื่น หรือบัญชีในรายการโปรดที่บันทึกไว้ จากนั้นเลือกธนาคารของบัญชีปลายทาง กรอกเลขที่บัญชีหรือหมายเลขพร้อมเพย์ กรอกจำนวนเงิน หากต้องการโอนเงินในทันทีให้กดที่เมนูถัดไป แต่หากยังไม่ต้องการโอนเงินทันทีสามารถตั้งค่าได้ที่เมนูตั้งค่าการโอนล่วงหน้า

ตั้งค่าการโอนล่วงหน้า
ในกรณีที่ไม่ได้โอนเงินทันทีแนะนำว่าให้เลือกตั้งค่ารายการโอนล่วงหน้าได้ โดยหลังจากกรอกข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนแล้วจะมีเมนูให้เลือกตั้งเวลาล่วงหน้า หลังจากนั้นแอปพลิเคชันจะพาไปที่ตั้งค่ารายการโอนเงินล่วงหน้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะโอนเงินในวันที่เท่าไร ดำเนินการเพียงครั้งเดียวหรือทุกเดือน เริ่มโอนเดือนไหนและสิ้นสุดเดือนไหน เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วจึงกดที่เมนูถัดไป

ตรวจสอบข้อมูลการโอน
การตรวจสอบข้อมูลในขั้นตอนสุดท้ายถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญมาก แต่ก็เป็นขั้นตอนที่คนส่วนใหญ่ละเลยมากที่สุด ด้วยความคุ้นชินจึงกดยืนยันไปโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้หลายคนต้องเจอกับปัญหาโอนเงินผิดต้องเสียเวลาเดินเรื่องเพื่อขอเงินคืนกับธนาคาร เพราะฉะนั้นก่อนกดยืนยันควรตรวจสอบชื่อนามสกุล เลขที่บัญชี ธนาคารปลายทาง และจำนวนเงินที่ต้องการโอนให้ละเอียดเพื่อไม่เกิดกรณีโอนเงินผิดบัญชี
   
จะเห็นได้ว่าการ โอนเงินผ่านแอพ นั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดใช้เวลาไม่นานเงินก็เดินทางไปสู่บัญชีปลายทาง และที่สำคัญไม่เสีย ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างธนาคาร อีกด้วย ส่วนใครที่สงสัยว่า กดเงินไม่ใช้บัตร ต่างธนาคารได้หรือไม่ คำตอบคือปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการได้ต้องกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเดียวกับบัญชีธนาคารที่ใช้งานเท่านั้นจึงสามารถดำเนินการกดเงินได้

จ่ายค่าไฟ https://krungthai.com/th/krungthai-update/promotion-detail/809


3

ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเลือกบัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ฝากเงินควรให้ความสนใจ เพื่อให้เงินของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคในการเลือกบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงสำหรับปี 2568 ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 1. เข้าใจประเภทของบัญชีเงินฝาก

ก่อนที่คุณจะเลือกบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ในตลาด โดยทั่วไปแล้วบัญชีเงินฝากสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:

- บัญชีเงินฝากประจำ: เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงเป็นบัญชีที่มีการฝากเงินเป็นระยะเวลาที่กำหนด โดยมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ แต่ผู้ฝากจะไม่สามารถถอนเงินได้ก่อนครบกำหนด
- บัญชีออมทรัพย์: เป็นบัญชีที่ให้ความยืดหยุ่นในการถอนเงิน แต่ดอกเบี้ยจะต่ำกว่าบัญชีเงินฝากประจำ

 2. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากจากธนาคารต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ ควรตรวจสอบว่าอัตราดอกเบี้ยที่เสนอมีความน่าสนใจหรือไม่ โดยสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารหรือแพลตฟอร์มการเงินที่มีการรวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ย

 3. พิจารณาเงื่อนไขและข้อกำหนด

นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว ควรอ่านเงื่อนไขและข้อกำหนดของบัญชีเงินฝากแต่ละประเภทอย่างละเอียด เช่น:

- ระยะเวลาฝากขั้นต่ำ
- จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ
- ค่าธรรมเนียมการเปิดบัญชีหรือการถอนเงิน

การเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด

 4. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของธนาคาร

การเลือกธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยควรตรวจสอบประวัติและความมั่นคงทางการเงินของธนาคาร รวมถึงการได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าการฝากเงินของคุณจะปลอดภัย

 5. ใช้เครื่องมือออนไลน์ช่วยในการเปรียบเทียบ

ปัจจุบันมีเครื่องมือออนไลน์มากมายที่ช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบบัญชีเงินฝากจากธนาคารต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น เว็บไซต์เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย หรือแอปพลิเคชันการเงิน การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย

 6. สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณยังไม่แน่ใจในการเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสม การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ

การเลือกบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงในปี 2568 เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรอบคอบและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด โดยการเข้าใจประเภทของบัญชี, เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย, ตรวจสอบเงื่อนไข, และเลือกธนาคารที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการเลือกบัญชีเงินฝากที่เหมาะสม อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการของคุณ!


4
         เชื่อว่าเหตุผลที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตัดสินใจขอสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารนั้นก็เนื่องจากต้องการแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายมาใช้หมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคนทำธุรกิจในปัจจุบันเนื่องจากมีสินเชื่อให้เลือกหลากหลายแบบ แต่หากถามว่าสินเชื่อแบบไหนที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจ SME คำตอบคือ  สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน เพราะนอกจากจะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแล้ว การขอสินเชื่อยังสามารถขอ หนังสือค้ำประกัน ตัวช่วยชั้นดีที่จะเสริมความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปส่องจุดเด่นของ 4 สินเชื่อธุรกิจ sme ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันประกัน น่าสนใจปี 2025 มาฝาก แต่จะมีสินเชื่อไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย

สินเชื่อ SME UOB BizMoney จากธนาคารยูโอบี
   เปิดตัว สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกันสินเชื่อแรกที่อยากให้คนทำธุรกิจทุกคนรู้จักคือ สินเชื่อ SME UOB BizMoney จากธนาคารยูโอบี สินเชื่อระยะยาวที่ให้วงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท ระยะการผ่อนชำระนาน  4  ปี อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเคยผ่านการกู้สินเชื่อมาแล้ว ดำเนินกิจการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี ธุรกิจมีผลประกอบการเป็นบวก และมีการจดทะเบียนการค้าอย่างถูกต้อง ส่วนจุดเด่นสำคัญของสินเชื่อจากธนาคารยูโอบีนั่นคือความรวดเร็วในการอนุมัติ จึงเหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ไปขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น

สินเชื่อ SME เงินด่วนเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกสิกรไทย
   ต้องยอมรับว่าสินเชื่อ SME เงินด่วนเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกสิกรไทยคือสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากสามารถกู้ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกันแล้ว  ยังสามารถยื่นกู้ได้ทุกอาชีพเพียงมีหลักฐานการเงินย้อนหลัง 6 เดือน และไม่ต้องจดทะเบียนการค้า สำหรับจุดเด่นของสินเชื่อนี้อยู่ตรงที่ความกว้างของวงเงินกู้ โดยสามารถขอกู้ได้ตั้งแต่ 20,000 – 1 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี และที่สำคัญอนุมัติไวอีกด้วย

สินเชื่อบัญชีเดียว SME Single Account Plus จากธนาคารไทยพาณิชย์

        หากผู้ประกอบการนิติบุคคลที่กำลังสนใจสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ให้วงเงินสูงมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ บอกเลยว่าสินเชื่อบัญชีเดียว SME Single Account Plus จากธนาคารไทยพาณิชย์เป็นคำตอบที่ตามหาอยู่แน่นอน เพราะสินเชื่อนี้ให้วงเงินกู้สูงถึง 50 ล้านบาท ทั้งยังมีวงเงินหลากหลายให้เลือก ทั้งวงเงิน สินเชื่อ od ตั๋วสัญญาใช้เงิน สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออกทุกประเภท และหนังสือค้ำประกัน นอกจากนั้นยังได้รับสิทธิพิเศษจากพาร์ตเนอร์ของ SCB มากกมายอีกด้วย

สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกรุงไทย
         สำหรับสินเชื่อสุดท้ายคือ สินเชื่อฟื้นฟูเพื่อธุรกิจ จากธนาคารกรุงไทย สินเชื่อsmeดอกเบี้ยต่ำ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 2 ปี ไม่เกิน  2% เฉลี่ย 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุดได้ถึง 10 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ซึ่งขอกู้ได้ทั้งลูกค้าเก่าวงเงินกู้สูงสุด 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท และลูกค้าใหม่วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท

       เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 4 สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อแม่ค้า ที่นำมาฝากในวันนี้ ซึ่งแต่ละสินเชื่อจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจแนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลของแต่ละสินเชื่ออย่างละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เลือกสินเชื่อได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองได้ง่ายขึ้น




5
ในยุคที่ความไม่แน่นอนและอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนนสูง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “เงินฝากประกันอุบัติเหตุ” และ “ประกันอุบัติเหตุแยก” ว่าควรเลือกซื้อแบบไหนดี

เงินฝากประกันอุบัติเหตุคืออะไร?

เงินฝากประกันอุบัติเหตุ เป็นรูปแบบการประกันที่ช่วยคุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยจะมีการจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุในกรมธรรม์ ในบางกรณีอาจมีการคืนเงินฝากเมื่อหมดอายุกรมธรรม์ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้เอาประกันรู้สึกมั่นใจในการลงทุน

ข้อดีของเงินฝากประกันอุบัติเหตุ

1. การคืนเงิน: หากไม่มีการเคลมประกันในระยะเวลาที่กำหนด ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามที่ระบุในกรมธรรม์
2. ความคุ้มครอง: ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ
3. การลงทุน: เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีการคืนเงินในกรณีที่ไม่มีการเคลม

 ประกันอุบัติเหตุแยกคืออะไร?

ประกันอุบัติเหตุแยก เป็นประกันที่มุ่งเน้นเฉพาะการคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับการคืนเงินฝาก ซึ่งมักจะมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าเงินฝากประกันอุบัติเหตุ

ข้อดีของประกันอุบัติเหตุแยก

1. เบี้ยประกันที่ต่ำกว่า: ผู้เอาประกันสามารถเลือกซื้อประกันได้ในราคาที่ถูกกว่า
2. ความคุ้มครองที่ชัดเจน: มีการกำหนดความคุ้มครองอย่างชัดเจนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
3. ความยืดหยุ่น: สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยรายได้

ควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

การเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลระหว่างเงินฝากประกันอุบัติเหตุและประกันอุบัติเหตุแยกนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล

พิจารณาจากความต้องการ

- หากคุณต้องการการลงทุนและความคุ้มครอง: เงินฝากประกันอุบัติเหตุอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะได้รับความคุ้มครองจากอุบัติเหตุแล้ว ยังมีโอกาสได้รับเงินคืนเมื่อหมดอายุกรมธรรม์
- หากคุณต้องการความคุ้มครองที่เฉพาะเจาะจงและราคาที่ต่ำกว่า: ประกันอุบัติเหตุแยกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการ

การเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรงเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรพิจารณาความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง เพื่อให้ได้ประกันที่ตอบโจทย์ที่สุด หากคุณยังไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม





6


หากคุณกำลังวางแผนการออมเงินเพื่ออนาคต อยากจะมีเงินเก็บเพื่อทำตามความฝันโดยไม่ต้องลุ้นกับความเสี่ยง เงินฝากประจำปลอดภาษี เป็นรูปแบบการออมเงินในบัญชีฝากประจำประเภทหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า บัญชีเงินฝาก ทั่วไป ต่างจากการเปิดบัญชีออนไลน์มีลักษณะผสมผสานระหว่างการออมและการลงทุนภายใต้เงื่อนไขของเวลาที่น่าสนใจ

ลักษณะเด่นของ เงินฝากประจำปลอดภาษี
จำนวนเงินขั้นต่ำของการนำฝากอยู่ที่ 1,000 – 25,000 บาท ผู้ฝากสามารถกำหนดวงเงินฝากได้เองในกรอบของข้อกำหนดนี้ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการวางแผนเรื่องเงินโดยเฉพาะผู้ที่มีเงินเดือนประจำ
ระยะเวลาในการฝากขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ เช่น ฝากประจํา12เดือน 24 เดือน 36 เดือน หรือ 48 เดือน ยิ่งฝากนานยิ่งได้รับผลตอบแทนสูง 
เจ้าของบัญชีต้องฝากเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน ด้วยจำนวนที่เท่ากับการเปิดบัญชีครั้งแรก โดยนำฝากวันที่เท่าไรของเดือนก็ได้จนครบตามระยะเวลากำหนดในสัญญา ส่วนใหญ่แล้วอนุโลมให้ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง หากไม่ทำตามสัญญาธนาคารมีสิทธิ์ในการไม่ให้ผลตอบแทนหรือให้ดอกเบี้ยเท่ากับบัญชีออมทรัพย์ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 
ได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ในขณะที่บัญชีเงินฝากประจำทั่วไปนั้นจะถูกหักภาษีดอกเบี้ย 15%
หนึ่งคนเปิดบัญชีเงินฝากปลอดภาษีได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น
เงินฝากปลอดภาษีเป็น บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ทั้งยังสามารถวางแผนการเก็บออมได้ด้วยตัวเองโดยเฉพาะผู้ที่มีเงินเดือนประจำ หรือผู้มีรายได้น้อยซึ่งสามารถแบ่งรายรับส่วนหนึ่งมาเป็นเงินออมได้ เมื่อครบกำหนดจะได้รับเงินก้อนจากเงินต้นในการออมพร้อมดอกเบี้ยอัตราสูงเป็นผลตอบแทน ยกตัวอย่าง อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ปลอดภาษีของธนาคารกรุงไทย หรือมีชื่อเรียกว่า บัญชีเงินฝากประจําดอกเบี้ยสูง  KTB Zero Tax MAX ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ดังนี้
ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 24 เดือน (บุคคลธรรมดา) วงเงินต่ำสุด + 0.75% ต่อปี     
ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน (บุคคลธรรมดา) วงเงินต่ำสุด + 1.00% ต่อปี         
จะเห็นได้ว่าเมื่อฝากเงินครบตามสัญญาจะได้รับดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ 24 เดือน หรือ 36 เดือน บวกเพิ่มด้วยดอกเบี้ยพิเศษ จึงเรียกได้ว่าเป็นการออมเงินที่คุ้มค่ามาก 

ข้อดีของ เงินฝากปลอดภาษี
เนื่องจากต้องฝากเงินเป็นประจำทุกเดือน จึงเป็นการฝึกวินัยในการออมได้ดี
มีความเสี่ยงน้อย เงินต้นไม่หายไปไหน
ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ฝากประจําดอกเบี้ยสูง
ช่วยสร้างประวัติทางการเงินที่ดี เอื้อต่อการขอเครดิตหรือสินเชื่อในอนาคต
เป็นแหล่งเงินทุนสำรองในอนาคต

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าคงได้รู้จักและเข้าใจกับเงินฝากปลอดภาษีกันมากขึ้น หากสนใจสามารถสอบถามได้ที่ธนาคารทุกแห่งใกล้บ้านหรือผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ เช็ก อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ปลอดภาษีอีกครั้งก่อนเปิดบัญชีเพื่อความมั่นใจในผลตอบแทนที่จะได้รับ




7

เชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจย่อมต้องใช้สินเชื่อหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ “ สินเชื่อระยะยาว ” เพราะการทำธุรกิจจะใช้เงินหมุนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ สินเชื่อระยะยาวจะช่วยให้สภาพคล่องของธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะเวลาเกิน 5 ปี และคำว่าสินเชื่อที่มีอายุเกิน 5 ปีนี้จัดอยู่ในหมวดของสินเชื่อระยะยาวทั้งสิ้น เช่น สินเชื่อต่อยอดธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย เป็นต้น เรามาดูกันดีกว่าว่าหากเราเป็นหนี้ธนาคารในกลุ่มหนี้ระยะยาวมีวิธีจัดการอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

หาข้อมูลรายได้ รายจ่าย และคำนวณความมั่งคั่งสุทธิ
จะเริ่มเคลียร์หนี้สินระยะยาวได้ต้องตรวจสอบว่าเหลือรายรับรายจ่ายเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เพื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวเอง หากรายจ่ายมากกว่ารายได้แสดงว่าสุขภาพทางการเงินไม่ดีนักมีสิทธิ์ล้มละลายอยู่ตลอดเวลา เมื่อกู้เงินมาทำธุรกิจควรจะมีรายได้สูงขึ้น

ตามสัดส่วนของหนี้สินที่เพิ่มจากการซื้อสินทรัพย์ถาวรสำหรับการขยายธุรกิจ เช่น เครื่องจักร ที่ดิน อาคาร เป็นต้น แต่เมื่อทำธุรกิจแล้วสร้างกำไรไม่ได้จนเงินสดหมดมี 3 ทางเลือกให้ผู้ประกอบการตัดสินใจคือ

ลดรายจ่าย หาช่องทางขาย หรือกู้หนี้เพิ่ม หากไม่สามารถหากระแสเงินสดด้วยการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้แล้ว วิธีสุดท้ายที่ควรทำคือการขอ สินเชื่อหมุนเวียน  เพื่อทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจอยู่ในระดับที่หมุนเวียนต่อไปได้ และเมื่อทราบข้อมูลรายได้ รายจ่าย และหาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรรู้นั่นคือฐานะทางการเงินของตัวเองว่าเป็น “ของจริง” แค่ไหน ด้วยการคำนวณหาความมั่งคั่งสุทธิของธุรกิจโดยนำ “ทรัพย์สินหักลบหนี้สิน” หากหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินจะต้องมีกระแสเงินสดสำรองเก็บเผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

บริหารความมั่งคั่ง และชำระหนี้คืนเพิ่ม
เมื่อใช้ สินเชื่อขยายธุรกิจ หลายประเภทเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจแล้ว ต้องคำนวณด้วยว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นหนี้อยู่ในระดับเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความสามารถชำระหนี้ หากชำระหนี้ได้แค่ดอกเบี้ยไม่รวมส่วนของเงินต้นและใช้รายได้มากกว่า 40% สำหรับการชำระหนี้ ถือว่าอันตรายมาก เพราะอย่าลืมว่าต้องเก็บเงินสดสำรองบางส่วนเพื่อใช้ในยามวิกฤตของธุรกิจ อีกทั้งยังต้องมีในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกด้วย เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น เมื่อรู้ตัวว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต้องจัดการหนี้ที่มีสัดส่วนสูงที่สุดก่อน เช่น หนี้รถ และหนี้บ้าน

ปรับโครงสร้างหนี้
หากรู้ตัวว่าไม่สามารถจัดการหนี้ต่อไปได้จากความล้มเหลวในการบริหารธุรกิจ วิธีที่ควรทำคือหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ให้ได้ไม่ควรหนีหนี้เพราะจะยิ่งทำให้การพูดคุยทำได้ยากยิ่งกว่าเดิม ร้อยทั้งร้อยธนาคารอยากได้เงินสดคืนอยู่แล้ว แต่หากไม่ไหวจริง ๆ ควรขอธนาคารให้ปรับโครงสร้างหนี้ และหากหนี้มีหลายก้อนต้องยุบเป็นหนี้ก้อนเดียวเพื่อให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดและสามารถชำระหนี้ง่ายขึ้น
   
จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะช่วยจัดการกับสินเชื่อระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารต่างออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความน่าสนใจนั่นก็คือ สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม หากใครมีธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อกลุ่มนี้ควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เสียโอกาสได้รับสินเชื่อที่ตรงวัตถุประสงค์การกู้และยังมีอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย



8


   เงินทุนหมุนเวียนคือเงินที่เราใช้ดำเนินธุรกิจในระหว่างที่เรารอรับเงินสดจากการขายสินค้า หรือจากการชำระเงินของลูกหนี้ แม่ค้าที่ขายสินค้าเงินสดก็อาจมีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน หากสินค้าขายได้น้อยกว่าที่คาดไว้ ส่วนแม่ค้าที่ให้เครดิตลูกค้า เก็บเงินปลายทาง หรือขายผ่านช่องทางที่ต้องได้รับการโอนเงินหลังจากลูกค้ายืนยันการรับสินค้าแล้ว ก็อาจมีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน หากระยะเวลาที่ได้รับเงินจากการขายสินค้าล่าช้ากว่ากำหนด ไม่อยาก เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน เรามีวิธีการจัดการทางการเงินมาแนะนำ
   
1. จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
    การจัดทำบัญชีทำให้เรามองเห็นภาพรวมของกิจการ เห็นรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น ทำให้รู้สถานะทางการเงิน และสามารถใช้วางแผนการเงินได้
   2. คำนวณต้นทุนสินค้าให้ครบถ้วน
   ต้นทุนสินค้าไม่ใช่แค่ตัวสินค้าเท่านั้นแต่รวมถึงบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่งที่ใช้ไปเพื่อให้ได้สินค้ามา การคำนวณต้นทุนสินค้าไม่ครอบคลุมต้นทุนทั้งหมดที่ต้องนับเป็นต้นทุนสินค้า ทำให้คำนวณเงินทุนหมุนเวียนผิดพลาด คำนวณต้นทุนต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นที่มาของการ หมุนเงินไม่ทัน
   3. วางแผนเงินหมุนเวียน
   การคำนวณเงินทุนหมุนเวียน คำนวณได้ดังนี้
   เงินหมุนเวียน = ลูกหนี้ที่รอการชำระเงิน – เจ้าหนี้ที่รอการจ่ายเงิน + ค่าสินค้าที่ต้องมีไว้เพื่อขาย
   ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีลูกหนี้ที่ไม่ได้เงินสดทันทีโดยรอชำระเงิน 1 เดือน มูลค่า 80,000 บาท มีเจ้าหนี้ที่ให้เครดิตเรา 2 เดือน อีก 200,000 บาท มีสินค้าที่ใช้เวลาในการขาย 2 เดือน มูลค่า 150,000 บาท ดังนั้นเงินทุนหมุนเวียนที่เราต้องมี 80,000 - 200,000 + 150,000 = 30,000 บาท และวงจรเงินสดคือ 1 – 2 + 2 = 1 เดือน
   จากตัวอย่างหมายความว่า เราต้องมีเงินสำรองเพื่อใช้หมุนเวียนในร้าน 30,000 บาทต่อเดือน ก็ถือว่ามีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ แต่หากมีเงินสำรองไม่เพียงพอ นั่นคือเราหมุนเงินไม่ทัน แล้วถ้า หมุนเงินไม่ทันทำไงดี เราทำได้ 2 วิธีคือ เลื่อนการจ่ายเงิน และเพิ่มเงินเข้ามา
   หากเราไม่สามารถเลื่อนการจ่ายเงินออก หรือเลื่อนได้แค่บางส่วน การหาเงินมาเพิ่มในกิจการด้วยการใช้บริการสินเชื่อเงินด่วนกับสถาบันการเงินหรือธนาคารเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหา หมุนเงินไม่ทัน ได้
   1. สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรกดเงินสด เหมาะกับการใช้เงินในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ดอกเบี้ยจะสูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น โดยเฉพาะหากจ่ายไม่ทันตามกำหนด จะมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
   2. สินเชื่อทะเบียนรถ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สินเชื่อรถแลกเงิน ข้อดีคือขั้นตอนไม่ยุ่งยาก รับเงินก้อนตามมูลค่าของรถ สามารถปิดบัญชีได้ก่อนครบกำหนด แต่ดอกเบี้ยก็ยังสูงอยู่
   3. สินเชื่ออเนกประสงค์ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้านและที่ดิน โดยหลักทรัพย์นั้นต้องปลอดหนี้แล้ว ขั้นตอนจะยุ่งยากและใช้เวลานาน แต่จะได้สินเชื่อที่มีระยะเวลาชำระคืนนานกว่า
   4. สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย เป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยไม่สูง ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ ยกตัวอย่างสินเชื่อ SME ของธนาคารกรุงไทย ที่มีให้เลือกหลากหลายบริการ เลือกได้เหมาะกับทุกระดับความต้องการ ได้แก่

   สินเชื่อ SME ไซส์เล็ก เหมาะกับกิจการขนาดเล็ก ที่ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท กู้ง่ายผ่านแอปถุงเงิน ไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้ได้นานสูงสุด 7 ปี สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://krungthai.com/th/content/sme/loan/smart-shop
   สินเชื่อคู่ค้าพารวย เป็นวงเงินเบิกเกินบัญชีที่ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของยอดซื้อ สูงสุด 5 ล้านบาทโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถนำเงินสดมาใช้ได้เมื่อต้องการผ่าน Krungthai NEXT และ Krungthai Business สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://krungthai.com/th/content/sme-rich
สินเชื่อ SME วงเงินสูง x 3 สำหรับกิจการที่ต้องการวงเงินสินเชื่อมากขึ้นโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะได้วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท แต่หากไม่มีหลักทรัพย์ก็กู้ได้สูงสุด 3 ล้านบาท กู้ได้นานสูงสุด 7 ปี สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://krungthai.com/th/content/sme/loan/smex3
   สินเชื่อ SME รักกันยาว ๆ สินเชื่อระยะยาวที่เหมาะกับการขยายกิจการ หรือซ่อมแซมร้าน ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 100 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นาน 10 ปี หรือหากร้านค้าเป็นอาคารพาณิชย์ก็ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 20 ปี  สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://krungthai.com/th/content/sme/loan/sme-long-installment-loan

   นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อ SME อีกหลายแบบเพื่อทุกระดับกิจการ ให้เลือกได้เหมาะกับความต้องการและประเภทของธุรกิจ ไม่อยาก เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน ติดต่อธนาคารกรุงไทย หรือสมัคร Krungthai NEXT เพื่อเป็นลูกค้าธนาคารไว้ก่อนเพื่อการความสะดวกในการขอสินเชื่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center 0-2111-1111
      
ทรัพย์สินรอการขาย https://krungthai.com/th/content/contact-us/properties-for-sale


9
ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากมีความผันผวน การเลือกเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการออมเงิน บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจว่าใครควรพิจารณาเปิดบัญชีประเภทนี้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ทำความรู้จักกับบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

บัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง คือ บัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยมักมีเงื่อนไขในการเปิดบัญชี เช่น ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชี หรือการจำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงิน ซึ่งทำให้ผู้ฝากเงินสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

ใครควรเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง?

 1. ผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะยาว

หากคุณมีแผนที่จะออมเงินในระยะยาว เช่น เพื่อการศึกษาของบุตร หรือการเกษียณอายุ การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะช่วยให้เงินของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าเงินออมของคุณได้มากขึ้น

 2. ผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากเงินของคุณจะยังคงอยู่ในรูปแบบที่มั่นคง

 3. ผู้ที่มีเงินออมในจำนวนมาก

หากคุณมีเงินออมที่มากพอ การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะช่วยให้คุณได้รับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เงินของคุณทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ

 ข้อดีและข้อเสียของบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

 ข้อดี

- ดอกเบี้ยสูง: ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการออม
- ความปลอดภัย: เงินฝากในบัญชีออมทรัพย์มีความปลอดภัยสูง
- สะดวกในการถอนเงิน: สามารถถอนเงินได้เมื่อจำเป็น

 ข้อเสีย

- เงื่อนไขที่ซับซ้อน: อาจมีเงื่อนไขในการเปิดบัญชีที่ต้องปฏิบัติตาม
- ดอกเบี้ยไม่แน่นอน: ในบางครั้งอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามภาวะเศรษฐกิจ

การเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการออมเงิน โดยเฉพาะในยุคที่ดอกเบี้ยมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจควรพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี

หากคุณกำลังมองหาวิธีการออมเงินที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย อย่าลืมพิจารณาบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นตัวเลือกหนึ่งในแผนการเงินของคุณ!



10
การกู้เงินเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในธุรกิจส่วนตัว แต่ก่อนที่คุณจะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้การกู้เงินเป็นไปอย่างราบรื่น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเช็กลิสต์เบื้องต้นที่ควรพิจารณาก่อนการยื่นขอสินเชื่อ

 1. ประเมินความต้องการและวัตถุประสงค์ในการกู้เงินก่อนอื่น คุณควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมถึงต้องการกู้เงิน?” วัตถุประสงค์ในการกู้เงินจะช่วยให้คุณเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสม เช่น

- สินเชื่อบ้าน: สำหรับการซื้อบ้านหรือที่ดิน
- สินเชื่อรถยนต์: สำหรับการซื้อรถยนต์
- สินเชื่อส่วนบุคคล: สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปหรือการลงทุน

การรู้วัตถุประสงค์จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น

 2. ตรวจสอบเครดิตสกอร์

เครดิตสกอร์เป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือในการกู้เงินของคุณ ธนาคารและสถาบันการเงินมักจะพิจารณาเครดิตสกอร์ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบเครดิตสกอร์ของตัวเองก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ

- เครดิตสกอร์สูง: มีโอกาสได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
- เครดิตสกอร์ต่ำ: อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นหรืออาจถูกปฏิเสธการกู้เงิน

 3. คำนวณความสามารถในการชำระเงินกู้
ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ คุณควรคำนวณความสามารถในการชำระเงินของตนเอง เช่น

- รายได้ต่อเดือน
- ค่าใช้จ่ายประจำเดือน
- จำนวนเงินที่สามารถชำระคืนได้

การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณสามารถกู้เงินได้มากน้อยเพียงใดและสามารถชำระคืนได้หรือไม่

 4. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

การเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อ เอกสารที่จำเป็นอาจรวมถึง:

- บัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานรายได้
- เอกสารแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน

การเตรียมเอกสารให้พร้อมจะช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็ว

 5. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข

ก่อนตัดสินใจเลือกสินเชื่อ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลายๆ สถาบันการเงิน เพื่อให้คุณได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

- อัตราดอกเบี้ย: ควรเลือกอัตราที่ต่ำที่สุด
- ระยะเวลาชำระเงิน: ควรเลือกระยะเวลาที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืน

 6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการกู้เงินหรือมีคำถามเพิ่มเติม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาสินเชื่อจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม

การกู้เงินไม่ใช่เรื่องที่ควรทำโดยไม่คิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นตามเช็กลิสต์ที่เราได้แนะนำไป เพื่อให้การกู้เงินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการกู้เงิน สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำปรึกษาได้เลย!



11


   ปัญหาใหญ่ที่พ่อค้าแม่ค้ามักจะพบเจอกันนั่นก็คือ หมุนเงินไม่ทัน ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ส่งผลต่อการทำมาค้าขายที่จำเป็นต้องพึ่งกระแสเงินสดเป็นอย่างมาก หากหนักหนาสาหัสก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจล้มได้

      ซึ่งปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินนั้นก็มาจากหลายสาเหตุ เช่น ใช้เงินสดซื้อของมาขาย แต่ลูกค้าขอติดเครดิตในการซื้อของทำให้เกิดการหมุนเงินไม่ได้ หรือการที่มีเหตุต้องใช้เงินนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำแบบไม่ตั้งตัว อย่างค่ารักษาพยาบาลทั้งของเราเองและคนในครอบครัว ค่าซ่อมรถ ค่าซ่อมแซมบ้าน หรือค่าเทอมลูกหลาน บางครั้งยังมีคนมายืมเงินจนเงินขาดมือ เป็นปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้กับพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก
แล้วถ้าหาก เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน จะทำอย่างไรดีให้มีเงินมาประคองธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การกู้นอกระบบก็มีดอกเบี้ยสูงแสนสาหัส แล้วจะหาเงินกู้แบบบไหนดีที่มาช่วยเหล่าพ่อค้าแม่ค้าได้

สินเชื่อประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้า
   การขอสินเชื่อดูจะเป็นทางออกที่จะช่วยประคับประคองให้พ่อค้าแม่ค้าทำมาหากินต่อไปได้ แต่จะมีสินเชื่อแบบใดบ้างที่อาชีพค้าขายสามารถกู้ได้

สินเชื่อบุคคล เงินกู้พ่อค้าแม่ค้า

     เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ให้กู้เพื่อนำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือนำไปลงทุนก็ตามความต้องการของผู้กู้เอง สินเชื่อแบบนี้มีข้อดีคือ จะได้รับเงินเป็นก้อนเดียว มีอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงมาก การผ่อนชำระทำได้เป็นระยะเวลานานทำให้จ่ายต่องวดด้วยจำนวนเงินที่ไม่สูงจนเกินไป เรียกได้ว่าผ่อนได้ยาว ๆ เลย

   สินเชื่อส่วนบุคคลนี้สามารถกู้ได้ทั้งพนักงานประจำและผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยมีเงื่อนไขตามที่ธนาคารกำหนด สินเชื่อบางตัวก็ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกัน ทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถยื่นกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องได้

บัตรเงินสด
   เป็นสินเชื่อวงเงินพร้อมใช้ที่หลายธนาคารนำมาเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้กู้ที่ต้องการมีเงินสำรองเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยบัตรเงินสดนั้นจะมีวงเงินล่วงหน้าเอาไว้ให้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถกดเงินออกมาใช้ได้ทันที โดยจะคำนวณดอกเบี้ยจากวงเงินที่กดออกมาใช้ ส่วนวงเงินที่เหลือที่ยังไม่ได้ใช้จะไม่ถูกนำมาคิดดอกเบี้ย ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ต้องนำเงินกู้ทั้งหมดมาคิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระขั้นต่ำได้ จ่ายแล้วเงินต้นก็กลับเข้าไปอยู่ในบัตรซึ่งนำมาใช้ต่อได้ แต่บัตรเงินสดนั้นจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น

ไฟแนนท์รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์
   เป็น วิธีหมุนเงินขายของ ที่ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่นำทรัพย์สินประเภทรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ไปเป็นหลักค้ำประกันขอกู้เงินจากไฟแนนท์ วิธีนี้จะทำให้ได้รับเงินอย่างรวดเร็ว เหมาะ สำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วนและมีรถเป็นของตนเอง

สินเชื่อ SME สินเชื่อค้าขาย สินเชื่อแม่ค้า
      คือสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทางธุรกิจรายย่อยให้มีสภาพคล่องทางการเงิน โดยธนาคารกรุงไทยนั้นมีบริการสินเชื่อ SME หลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ มีทั้งแบบที่ไม่ต้องใช้หลักประกันและแบบใช้ทรัพย์สินค้ำประกัน ซึ่งจะได้รับวงเงินที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ พ่อค้า แม่ค้า ที่ต้องการเงินไปลงทุนและหมุนเงินในการประกอบอาชีพ

      สินเชื่อ SME จากกรุงไทยนั้นออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา หมุนเงินไม่ทัน ในการค้าขาย ซึ่งเงื่อนไขก็ไม่ยาก ขอเพียงแค่ทำธุรกิจอย่างจริงจัง มีการเดินบัญชีต่อเนื่อง มีความสามารถในการผ่อนชำระ ธนาคารก็พร้อมจะช่วยเหลือ ซึ่งดีกว่าไปกู้เงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยแสนแพง อันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจล้มไปมากกว่าเดิม





12

    สินเชื่อบุคคลธรรมดาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ผู้คนมักมองหาวิธีการสนับสนุนทางการเงินเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือการลงทุนในโครงการต่าง ๆ แต่สินเชื่อบุคคลธรรมดาเหมาะกับใครบ้าง? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่เหมาะสมในการใช้สินเชื่อนี้ รวมถึงข้อดีและข้อควรระวังในการสมัครสินเชื่อบุคคลธรรมดา

สินเชื่อบุคคลธรรมดาคืออะไร?

สินเชื่อบุคคลธรรมดาเป็นเงินกู้ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยผู้กู้สามารถนำเงินไปใช้ได้ตามความต้องการ เช่น การซื้อของใช้ในบ้าน การลงทุนในธุรกิจ หรือการชำระหนี้อื่น ๆ ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้มักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ๆ แต่ก็มีความสะดวกในการเข้าถึง

ใครเหมาะกับการใช้สินเชื่อบุคคลธรรมดา?

1. ผู้ที่ต้องการเงินสดด่วน
หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการเงินกู้อย่างเร่งด่วน เช่น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด สินเชื่อบุคคลธรรมดาอาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากการอนุมัติสินเชื่อมักใช้เวลาไม่นาน
2. ผู้ที่มีรายได้ประจำ
ผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัทหรือเจ้าของกิจการที่มีรายได้คงที่ มักจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อสูง เนื่องจากสถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
3. ผู้ที่มีเครดิตดี
หากคุณมีประวัติเครดิตที่ดีและไม่มีหนี้สินค้างชำระ สถาบันการเงินจะมองว่าคุณเป็นผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปได้ง่ายขึ้น
4. ผู้ที่ต้องการรวมหนี้
หากคุณมีหนี้หลายรายการ การใช้สินเชื่อบุคคลธรรมดาเพื่อนำมาชำระหนี้เก่าอาจช่วยให้คุณบริหารจัดการการเงินได้ดีขึ้น โดยเฉพาะหากอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อใหม่ต่ำกว่าหนี้เดิม

ข้อดีและข้อควรระวังในการใช้สินเชื่อบุคคลธรรมดา
ข้อดี
การเข้าถึงง่าย: ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงเงินได้ง่าย
อนุมัติเร็ว: หลายสถาบันการเงินมีกระบวนการอนุมัติที่รวดเร็ว
ใช้เงินตามต้องการ: ผู้กู้สามารถนำเงินไปใช้ได้ตามความต้องการ

ข้อควรระวัง
อัตราดอกเบี้ยสูง: สินเชื่อบุคคลธรรมดามักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ไม่ใช่เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เสี่ยงต่อการเป็นหนี้: หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจทำให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม

       สินเชื่อบุคคลธรรมดาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเงินสดด่วน ผู้ที่มีรายได้ประจำ และผู้ที่มีเครดิตดี อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อดีและข้อควรระวังอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจสมัครสินเชื่อ

        หากคุณคิดว่าสินเชื่อบุคคลธรรมดาเหมาะกับคุณ อย่าลืมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลาย ๆ สถาบันการเงินเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อบุคคลธรรมดา สินเชื่อดอกเบี้ยถูก หรือคำแนะนำในการบริหารจัดการการเงิน สามารถสมัครสินเชื่อหรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เลย!



13



การวางแผนภาษีเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องยื่นภาษีประจำปี การลดหย่อนภาษีสามารถช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ในบทความนี้เราจะพูดถึง 5 วิธีที่ช่วยให้ครอบครัวของคุณสามารถลดหย่อนภาษีได้ง่ายขึ้น

## 1. ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับบุตร

การมีบุตรสามารถช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถขอรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ หากบุตรของคุณเรียนต่อในระดับอุดมศึกษายังสามารถขอรับสิทธิ์ลดหย่อนเพิ่มเติมได้อีกด้วย

## 2. การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

การลงทุนใน RMF เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถนำเงินที่ลงทุนใน RMF มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี นอกจากนี้ การลงทุนใน RMF ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุในอนาคต

## 3. ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

การทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยคุณสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด

## 4. ค่าใช้จ่ายในการศึกษา

หากคุณมีบุตรที่กำลังศึกษาอยู่ คุณสามารถนำค่าใช้จ่ายในการศึกษาไปหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งรวมถึงค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การใช้สิทธิ์นี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้อย่างมาก

## 5. การบริจาคเพื่อการกุศล e donation  บริจาคเงินออนไลน์

การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับองค์กรการกุศล e donation วัด สามารถช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้ ทั้งทางตรงและระบบทําบุญออนไลน์ โดยคุณสามารถนำจำนวนเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด การบริจาคไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดภาษี แต่ยังเป็นการทำบุญและช่วยเหลือสังคมในเวลาเดียวกัน

การลดหย่อนภาษีสำหรับครอบครัวไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้จักวิธีการและสิทธิ์ที่สามารถใช้ได้ การวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้นในระยะยาว อย่าลืมตรวจสอบสิทธิ์และวิธีการลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ และหากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม





14
การซื้อบ้านเป็นการลงทุนที่สำคัญในชีวิตของหลายคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ทำให้เจ้าของบ้านต้องพิจารณารีไฟแนนซ์บ้านที่ยังผ่อนไม่ถึง 3 ปี เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า หรือเพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า การรีไฟแนนซ์บ้านที่ยังผ่อนไม่ถึง 3 ปีนั้นเป็นไปได้หรือไม่ และควรพิจารณาอย่างไร

การรีไฟแนนซ์คืออะไร?

การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือการกู้เงินใหม่เพื่อชำระหนี้เงินกู้เดิม โดยทั่วไปแล้วเจ้าของบ้านจะทำการรีไฟแนนซ์เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น ระยะเวลาการชำระหนี้ที่สั้นลงหรือยาวขึ้น

บ้านยังผ่อนไม่ถึง 3 ปี รีไฟแนนซ์ได้ไหม?

คำตอบคือ "ได้" แต่มีข้อควรพิจารณาหลายประการ:

 1. อัตราดอกเบี้ย

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าของบ้านตัดสินใจรีไฟแนนซ์คือการลดอัตราดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงมากกว่าที่คุณจ่ายในปัจจุบัน การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากในระยะยาว

 2. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์ไม่ใช่เรื่องฟรี มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมการประเมินราคา ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น คุณควรคำนวณให้แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

 3. สถานะทางการเงิน

ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรประเมินสถานะทางการเงินของคุณให้ดี หากคุณมีเครดิตที่ดีและมีรายได้ที่มั่นคง โอกาสในการได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีจะสูงขึ้น แต่หากสถานะทางการเงินไม่ดี อาจทำให้คุณไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้

 4. ระยะเวลาที่เหลือของการผ่อนชำระ

หากคุณยังผ่อนไม่ถึง 3 ปี การรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่าเสมอไป เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์อาจสูงกว่าการประหยัดจากการลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น



การรีไฟแนนซ์บ้านที่ยังผ่อนไม่ถึง 3 ปีนั้นเป็นไปได้ แต่คุณควรพิจารณาหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจ รวมถึงอัตราดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ สถานะทางการเงิน และระยะเวลาที่เหลือของการผ่อนชำระ หากคุณมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือธนาคารเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม

หากคุณกำลังพิจารณารีไฟแนนซ์บ้าน อย่าลืมทำการศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณในปัจจุบัน!



15


ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีความผันผวน การเลือกบัญชีออมทรัพย์ที่เหมาะสมสำหรับการรับเงินเดือนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงที่มีข้อเสนอที่น่าสนใจ วันนี้เราจะมาพูดถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเพื่อรับเงินเดือนของคุณ

บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงคืออะไร?

บัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงคือบัญชีที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งมักจะมีเงื่อนไขบางประการ เช่น ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชี หรือจำนวนครั้งที่สามารถถอนเงินได้ในแต่ละเดือน บัญชีเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้เงินที่มีอยู่ทำงานได้ดีขึ้น

ข้อดีของการใช้บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

 1. อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่า

การเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะทำให้คุณได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งหมายความว่าคุณจะมีเงินเพิ่มขึ้นในระยะยาว

 2. ความสะดวกในการรับเงินเดือน

บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงมักมีการเข้าถึงที่สะดวกสบาย เช่น การโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงจากนายจ้าง ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการฝากเงินเอง

 3. การบริหารจัดการเงินที่ดีขึ้น

การมีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงจะช่วยกระตุ้นให้คุณมีวินัยในการออมเงิน และสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสียของการใช้บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

 1. เงื่อนไขที่ซับซ้อน

บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงมักมีเงื่อนไขที่ซับซ้อน เช่น ยอดเงินขั้นต่ำ หรือการจำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงิน ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สะดวก

 2. อาจไม่มีบริการเสริม

บางบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงอาจไม่มีบริการเสริมที่คุณต้องการ เช่น บริการบัตรเดบิต หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ที่สะดวกสบาย

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกบัญชี

 1. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเลือกบัญชีที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

 2. ตรวจสอบเงื่อนไขการเปิดบัญชี

อ่านเงื่อนไขการเปิดบัญชีอย่างละเอียด เช่น ยอดเงินขั้นต่ำ และค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สะดวกในภายหลัง

 3. ความน่าเชื่อถือของธนาคาร

เลือกธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง เพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของเงินที่คุณฝาก



การเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเพื่อรับเงินเดือนนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณา หากคุณต้องการให้เงินของคุณทำงานได้ดีขึ้นและมีความสะดวกในการรับเงินเดือน บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงอาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

หากคุณสนใจเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง อย่าลืมเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายธนาคารและเลือกบัญชีที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของคุณ!


หน้า: [1] 2 3 ... 9